16/2/56

ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตึกเก่าไม่เก่าค่า



ว่ากันว่าของที่ผ่านการเวลามานมนานมากจะเสื่อมค่าไปตามวันเวลาที่ผันเปลี่ยน แต่กฎนี้ใช่จะตายตัวกับทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ เช่น ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตึกเก่าที่ไม่เคยเสื่อมค่าไม่ว่าดกาลเวลาจะหมุนผ่านไปนานเพียงใด


จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดเล็ก ๆ ที่แทบจะไม่ได้อยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวกระแสหลัก แต่ที่นี่ก็มีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่ทรงค่าอยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ประทับของล้นเกล้ารัชการที่ห้า คราเสด็จประพาสเมืองปราจีนบุรี ถึงเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) จะมีศักดิ์และสิทธิในการเป็นเจ้าของตึกหลังนี้ แต่ท่านก็ได้ถวายตึกนี้เพื่อรับใช้เป็นที่ประทับของล้นเกล้ารัชการที่ห้าและหกรวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ โดยที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ไม่เคยได้พำนักอาศัยในตึกแห่งนี้ตราบจนสิ้นอายุไขของท่าน


ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจัดว่าเป็นอาคารที่ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม ด้วยการออกแบบให้เป็นตึกสองชั้นตามแบบศิลปะบาโร้คอย่างยุโรป มีมุขด้านหน้า กลางอาคารเป็นรูปโดม ซุ้มประตูหน้าต่างประดับประดาด้วยปูนปั้นลายพฤกษา ภายในออกแบบตกแต่งอย่างตะวันตก ตกแต่งด้วยภาพวาดปูนเปียกอันสวยงาม แต่อาคารหลังนี้ไม่ได้มีคุณค่าเพียงความงาม ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรยังเคยถูกใช้เป็นสถานพยาบาลสำหรับทหารและประชาชน โดยใช้เป็นห้องตรวจโรค ห้องผ่าตัด ห้องจ่ายยา 
เรือนพักคนไข้หญิง ต่อมาเมื่อสถานพยาบาลแห่งนี้ได้รับการยกฐานะเป็นโรงพยาบาลปราจีนบุรี ก็ได้มีการก่อสร้างตึกใหม่ 
ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแห่งนี้จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ชื่อ

 “พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร” จนทุกวันนี้


ภายในตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้จัดแสดงชีวประวัติของตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศรยังถือเป็นแหล่งเรียนรู้ ศึกษา ค้นคว้า วิจัยเรื่องแพทย์แผนไทยที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนไทยไว้ครบถ้วนที่สุด ทั้งตำราการรักษาแบบไทยแต่โบราณที่ถูกบันทึกลงในสมุดข่อยและหนังสือ การใช้สมุนไพร การแพทย์พื้นบ้าน รวมถึงยังจัดแสดงเครื่องมือแพทย์ที่เคยใช้จริงในสมัยโบราณ เช่น หินบดยาสมัยทวารวดี มีดหมอแบบโบราณ ตู้ยาแบบต่าง ๆ ให้ผู้เข้าเยี่ยมชมได้ทั้งความรู้และสนุกกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทย

แม้การเวลาจะทำให้ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเก่าแกลงตามลมฝนที่ผันผ่าน แต่ตึกเก่าแห่งนี้ก็ยังคงเพิ่มค่าขึ้นในทุกวัน เปรียบดังต้นไม้ใหญ่ที่ยืนหยัดผ่านลมฝนแห่งเวลา เพื่อให้ร่มเงาและผลิดอกออกผลแห่งปัญญาให้วงการแพทย์ไทยตลอดไป